สาระน่ารู้

3 สิ่งที่ HR ให้ความสำคัญในเรซูเม่ของคุณ

เขียนเมื่อ : 31 กรกฎาคม 2019 - 08:35:48

Image URL

1. ข้อมูลส่วนตัว
ถือเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งในเรซูเม่ ประกอบไปด้วยรูปภาพ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ประวัติการศึกษา สำหรับรูปถ่ายควรเป็นรูปที่เห็นใบหน้าตรงชัดเจน และแต่งกายสุภาพเรียบร้อย เนื่องจากรูปถ่ายจะเป็นสิ่งแรกที่ HR เห็นจากเรซูเม่ของผู้สมัคร นอกจากนี้ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลติดต่อกลับทั้งเบอร์โทรศัพท์ และอีเมลที่ต้องดูเป็นทางการ เช่น ชื่อ.นามสกุล@aaa.com

2. ประสบการณ์การทำงานและประสบการณ์พิเศษ
เรียบเรียงข้อมูลจากปัจจุบันไปหาอดีตเสมอ สำหรับคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้วสามารถระบุได้ว่าเคยทำงานที่ไหนมาบ้าง รวมถึงขอบเขตหน้าที่ที่รับผิดชอบ และการอบรมที่เคยเข้าร่วม ส่วนนิสิต นักศึกษาจบใหม่ การระบุประสบการณ์พิเศษเป็นการช่วยให้เรซูเม่ดูน่าสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร การออกค่าย การฝึกงาน ตลอดจนการทำงานล่วงเวลา (Part-Time) ทั้งนี้ประสบการณ์พิเศษจะเป็นปัจจัยสนับสนุนว่าผู้สมัครเป็นบุคคลที่มีความสามารถรอบด้าน และมีความรับผิดชอบ 

3. ทักษะและความสามารถ
ทักษะและความสามารถที่หลากหลายจะช่วยให้เรซูเม่ของผู้สมัครดูน่าสนใจและได้เปรียบคู่แข่ง ฉะนั้นผู้สมัครจำเป็นต้องค้นหาและดึงทักษะความสามารถที่เป็นจุดเด่นออกมาให้มากที่สุด โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นในตำแหน่งงานที่สมัครจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้น อาทิ ทักษะด้านภาษา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 เช่น ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส ฯลฯ รวมไปถึงทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ 

นอกจากนี้ยังมี Tips เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งจะทำให้เรซูเม่ของคุณเป็นที่น่าประทับใจและดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นคือ

ควรระบุจุดมุ่งหมายในอาชีพที่ชัดเจน
การระบุจุดมุ่งหมายในการทำงานที่ชัดเจน และสอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร เช่น ตั้งเป้าหมายระยะสั้นว่าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จได้อย่างไร หรือการตั้งเป้าหมายระยะยาวในช่วงเวลา 3-5 ปีข้างหน้าในเส้นทางอาชีพว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เป็นต้น ซึ่งการตั้งเป้าหมายในสายอาชีพให้ชัดเจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และสร้างแรงจูงใจที่สำคัญแก่องค์กรในการเลือกรับผู้สมัครคนดังกล่าวเข้าทำงานเพื่อสร้างผลงานและขับเคลื่อนองค์กรได้ต่อไป 

เขียนข้อมูลให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย
เรซูเม่ที่ดีควรมีความกระชับ ทั้งในแง่ของการใช้ภาษาและการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนตามหัวข้อที่กำหนด ทั้งข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน เป็นต้น โดยความยาวที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 2 หน้ากระดาษเอสี่ (A4) ฉะนั้นผู้สมัครจึงต้องคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นกับตำแหน่งงานที่สมัคร เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาของเรซูเม่ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ผู้สมัครต้องตรวจทานเรซูเม่ก่อนส่งสมัครงานทั้งการสะกดคำผิด การใช้ภาษา การจัดเรียงลำดับข้อมูลจากปัจจุบันไปหาอดีต 

การตั้งชื่อและการสร้างไฟล์
เป็นสิ่งที่ผู้สมัครงานมักจะมองข้าม การตั้งชื่อไฟล์เรซูเม่อย่างมืออาชีพควรใช้ชื่อ-นามสกุลจริงของผู้สมัคร และควรระบุด้วยว่าเป็น Resume ยกตัวอย่างเช่น Resume_Name เพื่อให้ HR ทราบว่าไฟล์ที่ส่งมานั้นคือไฟล์อะไร เนื่องจากการสมัครงานแต่ละครั้งต้องมีการแนบไฟล์อื่นๆ ด้วย อาทิ ไฟล์รูป ทรานสคริปต์ ฯลฯ นอกจากนี้การเลือกสร้างไฟล์ไม่ว่าจะเป็น MS Word , PDF ควรดูรายละเอียดของประกาศงานว่า HR ต้องการไฟล์ประเภทไหน แต่หากไม่ได้ระบุไว้ การเลือกใช้ไฟล์ PDF จะเหมาะสมกว่า เพราะบางครั้งการใช้ MS Word มีโอกาสที่ HR เปิดดูไฟล์แนบแล้วเนื้อหาที่ถูกจัดวางมาเป็นอย่างดีอาจเคลื่อนได้

อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครต้องคำนึงอยู่เสมอว่าเมื่อองค์กรมีการเปิดรับสมัครงานในตำแหน่งต่างๆ จะมีผู้ให้ความสนใจส่งใบสมัครเช่นเดียวกันเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ฝ่ายบุคคลมีเวลาอันจำกัดในการคัดเลือกและอ่านเรซูเม่แต่ละฉบับอย่างละเอียด ฉะนั้นการให้ความสำคัญและเรียบเรียงข้อมูลต่างๆ  ในเรซูเม่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด จะช่วยให้เรซูเม่ของผู้สมัครมีความน่าสนใจ และเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์ได้มากขึ้น 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก: jobthai.com