สาระน่ารู้

วิธีสร้างสมาธิในการทำงาน งานเยอะแค่ไหนก็ทำเสร็จได้แน่นอน

เขียนเมื่อ : 31 มกราคม 2020 - 21:22:08

Image URL

วิธี สร้างสมาธิในการทำงาน ทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง ไปดูกันเลย

 

จัดสภาพแวดล้อมบนโต๊ะทำงาน

สำหรับสิ่งของบนโต๊ะทำงานนั้น ถ้าเป็นสีฟ้าจะเหมาะสมที่สุด เพราะสีฟ้าจะช่วยสร้างสมาธิ และทำให้รู้สึกเหมือนเวลาเดินเร็วขึ้น หากนำสิ่งของสีฟ้ามาวางไว้บนโต๊ะทำงานก็จะทำให้เข้าสู่สภาวะสมาธิได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้รู้สึกว่าเพิ่งทำงานไปแค่ 45 นาที ทั้งๆ ที่เวลาจริงๆ ผ่านไป 60 นาทีแล้ว จึงทำให้งานเดินหน้าไปมากกว่าที่คิด  หากคุณต้องใช้สมาธิไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน มุมอ่านหนังสือในบ้าน หรือเวลาทำงานนอกบ้าน ให้หาสิ่งของสีฟ้ามาวางไว้บนโต๊ะ เช่น ที่ใส่ปากกาสีฟ้า ก็จะช่วยให้คุณอ่านหนังสือหรือทำงานได้อย่างมีสมาธิ

 

 ห้ามวางสมาร์ทโฟนไว้บนโต๊ะทำงาน

โต๊ะที่ไม่เรียบร้อย แฟ้มเอกสารที่กระจัดกระจายเละเทะ พอจะใช้ก็หาไม่เจอ การที่บนโต๊ะมีสภาพเช่นนี้ทำให้ต้องใช้ความคิดในการหาของ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้สมาธิ เพราะกว่าจะได้มานั่งทำงานที่โต๊ะก็ใช้สมาธิหมดไปเสียแล้ว  เพราะฉะนั้นตอนคิดว่าจะลงมือทำงาน ไม่ควรมีอะไรมาขัดขวาง ตัวอย่างเช่น ตอนที่เรานั่งพิมพ์งานอยู่ แล้วได้ยินเสียงข้อความเข้าที่โทรศัพท์มือถือ หรือแสงหน้าจอมือถือที่สว่างวาบขึ้นมา เราจะรู้ทันทีว่ามีแสงหรือเสียงนั้นเกิดขึ้นเพียงแค่หันสายตาไปมองหน้าจอโทรศัพท์ สมาธิที่มีก็จะหยุดชะงักทันที  ตราบใดที่ไม่มีเรื่องด่วนอะไร ค่อยแวะมาเช็กมือถือในช่วงพักผ่อนตามระบบการทำงาน หรือช่วงที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายก็ยังได้

ใช้แสงสีเหลืองช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

หากเราต้องการจะผลิตไอเดียที่น่าสนใจ ไม่ต้องคิดในที่ที่มีแสงสว่างมากมาย แต่ควรคิดในที่ที่มีแสงสลัวสักหน่อยจึงจะได้ผลดี และหากเป็นที่ที่มีเพดานสูงบวกกับไฟสลัวสักหน่อยก็สามารถเพิ่มโอกาสที่จะผลิตไอเดียที่เจ๋งๆ ได้ แสงไฟสีเหลืองสลัวจะทำให้สมองเราอยู่ในสภาวะเหม่อลอยเหมือนตอนที่ไปห้องน้ำ ไปเดินเล่น หรือเวลาที่นอนอยู่ในผ้าห่ม ก่อนที่เราจะหลับ เรามักจะนึกเรื่องที่น่าสนใจออกมาได้ดีกว่าตอนนั่งคิดที่โต๊ะทำงาน นั่นเป็นเพราะหากอยู่ในปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้คิดเรื่องจริงจังไม่ได้ สมองอีกส่วนก็จะกระตุ้นไอเดียสร้างสรรค์ออกมาแทน

ลุกขึ้นยืนทุก 15 นาที

มีงานวิจัยมากมายพบว่าหากคนเรานั่งเกิน 15 นาที จะทำให้ความสามารถในการรับรู้และสมาธิจะลดน้อยลง รวมทั้งทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงด้วย นอกจากนั้น หากนั่งติดเก้าอี้ติดต่อกัน 6 ชั่วโมงใน 1 วัน  ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายมากแค่ไหน แต่หากเปรียบเทียบกับคนที่นั่งเพียง 3 ชั่วโมงใน 1 วันแล้ว คนที่นั่งนานจะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 40%  ใน 15 ปี  วิธีหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าวมีอยู่วิธีเดียวคือ การลดระยะเวลาที่ใช้นั่งเก้าอี้
ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนนั่งติดโต๊ะยาวนานที่สุด แต่จู่ๆ จะให้มายืนทำงานก็คงไม่ได้ ถ้าคุณไม่สามารถห่างจากโต๊ะทำงานได้เลย ให้ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ 1 ครั้งทุก 15 นาทีแทน จังหวะที่ลุกจากเก้าอี้ จะทำให้เกิดการกระตุ้นสมองครั้งใหม่ ทำให้ใช้พลังสมาธิได้นานขึ้นด้วย

ดื่มน้ำ 1 แก้วทุก 2 ชั่วโมง

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีสต์ลอนดอนร่วมกับมหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับน้ำและพลังสมาธิไว้ดังนี้ เป็นการทดลองเปรียบเทียบคนกลุ่มหนึ่งที่ดื่มน้ำ 0.5 ลิตร และอีกกลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำ ตากนั้นให้ทั้งสองกลุ่มตั้งสมาธิกับการทดสอบที่ต้องใช้ปัญญาความคิด ผลการทดลองคือ กลุ่มที่ดื่มน้ำทำงานสำเร็จเร็วกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำถึง 14% ชัดเจนว่าหากร่างกายสูญเสียน้ำ ก็จะทำให้สมาธิลดลงทันที ดังนั้นสาเหตุที่พลังสมาธิลดต่ำมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนจึงเป็นเพราะร่างกายขาดน้ำเนื่องจากความร้อนนั่นเอง สภาวะร่างกายขาดน้ำจะทำให้ฮอร์โมนขาดสมดุลและส่งผลกระทบไปยังสมอง วิธีหลีกเลี่ยงคือต้องดื่มน้ำบ่อยๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้สมองทำงานได้เป็นปกติ และยังทำให้ความสามารถทางปัญญาเพิ่มสูงขึ้นด้วย แล้วต้องดื่มน้ำบ่อยเท่าไรจึงจะเป็นการป้องกันไม่ให้น้ำในร่างกายลดหายไป คำตอบคือ ต้องดื่มน้ำประมาณ 1 แก้ว ทุกๆ 1-2 ชั่วโมงนั่นเอง

เดินเล่นในสวน 5 นาที

สำหรับพนักงานออฟฟิศ การที่เราจะมายืดกล้ามเนื้อออกกำลังกายอย่างเต้นแอโรบิก หรืออะไรในเวลาทำงานก็อาจเป็นการรบกวนคนรอบข้างได้ วิธีออกกำลังกายที่ง่ายและดีที่สุดนั่นก็คือ การเดินเล่นเบาๆ ในสวนเพียง 5 นาทีภายใต้บรรยากาศสีเขียวจากผลสำรวจที่ทีมค้นคว้าจากมหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์ของประเทศอังกฤษได้จัดทำขึ้นพบว่า เพียงแค่เราขยับร่างกายในสวนสาธารณะหรือนอกอาคารที่มีบรรยากาศต้นไม้สีเขียวรายล้อมเพียง 5 นาที ทั้งร่างกายและจิตใจของเราจะได้รับความสดชื่นเป็นอย่างมาก  และงานวิจัยยังพบอีกว่า ถึงแม้จะใช้เวลาเดินนานขึ้น แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่ได้ต่างกันมากเท่าไร ที่จริงแล้วหลังจากที่เริ่มออกกำลังกายแล้ว แรงกระตุ้นใน 5 นาทีแรกจะช่วยทำให้ความเหนื่อยล้าหายไป สรุปคือ ไม่จำเป้นต้องออกกำลังกายให้เหงื่อไหลจนเหน็ดเหนื่อย เพราะการออกกำลังกายเบาๆ นั้นให้ประสิทธิภาพสูงกว่าการออกกำลังกายหนักๆ และเห็นผลไวกว่าด้วย

หวังว่าทุกคนที่นำบางข้อในบทความนี้ไปใช้ จะมีสมาธิในการทำงานเพิ่มมากขึ้น สามารถจัดการงานปริมาณมากทันเดดไลน์ และไม่ต้องขนงานกลับไปทำที่บ้านอีกต่อไป!

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก amarinbooks